• เลขที่ 2 ถนนเพชรเกษม ต.พระประโทน อ.เมือง จ.นครปฐม
  • 0-3439-5093
  • จันทร์ - ศุกร์: 7:30 น. - 16:30 น.

ประวัติวิทยาลัยเทคนิคนครปฐม

การจัดตั้งวิทยาลัยฯ

                    วิทยาลัยเทคนิคนครปฐม จัดตั้งเมื่อปี พ.ศ. ๒๔๘๐ (ในนามโรงเรียนช่างไม้นครปฐม เปลี่ยนชื่อเป็นโรงเรียนการช่างนครปฐม และได้รับการยกฐานะเป็นวิทยาลัยเทคนิคนครปฐม) ปัจจุบันมีเนื้อที่รวม ๓๕ ไร่ ตั้งอยู่เลขที่ ๒ ตำบลพระประโทน อำเภอเมืองนครปฐม จังหวัดนครปฐม รหัสไปรษณีย์ ๗๓๐๐๐ โทรศัพท์ ๐-๓๔๓๙-๕๐๙๓-๕ โทรสาร ๐-๓๔๒๘-๙๖๓๕ ตั้งอยู่ห่างจากตัวเมืองนครปฐมประมาณ ๔ กิโลเมตร และห่างจากกรุงเทพมหานคร ๕๒ กิโลเมตร





ในปี พ.ศ.๒๔๗๕

                    รัฐบาลได้ประกาศแผนการศึกษาแห่งชาติฉบับแรก เมื่อวันที่ ๒๘ มีนาคม ๒๔๗๕ โดยมีการจัดระบบการศึกษา แบ่งเป็นสามัญศึกษา แยกเป็น ประถมศึกษา ๔ ปี มัธยมศึกษาตอนต้น ๔ ปี มัธยมศึกษาตอนปลาย ๔ ปี และวิสามัญศึศึกษา เป็นการศึกษาวิชาชีพ ซึ่งเป็นระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย เช่น แผนกกสิกรรม พาณิชยกรรม อุตสาหกรรม และแผนกช่างฝีมือ ต่อมาแผนการศึกษาแห่งชาติฉบับที่ ๒ ซึ่งประกาศเมื่อปี พ.ศ. ๒๔๗๙ ได้ปรากฏคำว่า “อาชีวศึกษา” เป็นครั้งแรกในระบบการศึกษาของประเทศไทย แผนการศึกษาแห่งชาติฉบับที่ ๒ นี้มีจุดมุ่งหมายสำคัญในการสนับสนุนการจัดตั้งโรงเรียนอาชีวศึกษาที่ส่วนกลางและส่วนภูมิภาคเพิ่มขึ้น

                    ปี พ.ศ.๒๔๘๐ กระทรวงธรรมการ(กระทรวงศึกษาธิการในปัจจุบัน) โดยกองอาชีวศึกษา ประกาศให้เปิดสอนวิชาช่างไม้ในจังหวัดนครปฐม เมื่อวันที่ ๒๘ กุมภาพันธ์ ๒๔๘๐ โดยใช้ชื่อ “โรงเรียนช่างไม้นครปฐม” มีสถานที่ตั้งในบริเวณพระราชวังสนามจันทร์ ทางทิศใต้ของศาลากลางจังหวัดนครปฐม (หลังเดิม) เปิดสอนหลักสูตรอาชีวศึกษาชั้นต้น วิชาช่างไม้ปลูกสร้าง รับนักเรียนจบชั้นมัธยมศึกษาตอนต้น เข้าศึกษาต่ออีก ๓ ปี และปีพ.ศ.๒๔๙๐ ได้ย้ายโรงเรียนมาตั้งบริเวณโรงเรียนทอผ้านครปฐม บริเวณใกล้สำนักงานศาลยุติธรรมประจำภาค ๗ ซึ่งเป็นที่ตั้งของวิทยาลัยอาชีวศึกษานครปฐมในปัจจุบัน

                    ปี พ.ศ.๒๔๙๐ ได้ย้ายโรงเรียนมาตั้งบริเวณโรงเรียนทอผ้านครปฐม บริเวณใกล้สำนักงานศาลยุติธรรมประจำภาค ๗ ซึ่งเป็นที่ตั้งของวิทยาลัยอาชีวศึกษานครปฐมในปัจจุบัน

                    ปี พ..๒๔๙๗ นายประพันธ์ ปานทิพย์ ซึ่งเป็นครูใหญ่ในสมัยนั้น ได้พิจารณาว่าบริเวณที่ตั้งค่อนข้างคับแคบ ไม่เหมาะแก่การขยายการศึกษาในอนาคต จึงดำเนินการขออนุมัติกรมอาชีวศึกษาให้ย้ายโรงเรียนไปตั้งใหม่บริเวณแยกสนามจันทร์ (ในปัจจุบันเป็นที่ตั้งของโรงเรียนสาธิต คณะศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยศิลปากร)

                    ปี พ.ศ.๒๕๐๐ กรมอาชีวศึกษา ได้มีคำสั่งเปลี่ยนชื่อจากโรงเรียนช่างไม้นครปฐมเป็นโรงเรียนการช่างนครปฐม เปิดสอนวิชาช่างไม้ปลูกสร้าง (ต่อมาได้เปลี่ยนชื่อเป็นแผนกวิชาช่างก่อสร้าง) และ แผนกวิชาช่างตัดผมชายเป็นหลักสูตรระยะสั้น(โดยมีอาคารเรียนอยู่ในบริเวณวัดพระปฐมเจดีย์ หัวมุมตรงข้ามตลาดโอเดียนในปัจจุบัน)

                    ปี พ..๒๕๑๓ กรมอาชีวศึกษา มอบหมายให้โรงเรียนการช่างนครปฐม เปิดการเรียนการสอนช่างไฟฟ้า ช่างยนต์ และ ช่างเชื่อม ในโรงเรียนการช่างนครปฐม แต่บริเวณเดิมตั้งอยู่ในเขตพระราชวังสนามจันทร์ ซึ่งไม่เหมาะกับการสร้างอาคารโรงฝึกงานเพื่อขยายแผนกวิชาที่เปิดใหม่และประกอบกับเจ้าของที่ต้องการใช้พื้นที่เพื่อนำไปสร้างมหาวิทยาลัยศิลปากร วิทยาเขตพระราชวังสนามจันทร์ จึงดำเนินการขอใช้ที่ดินของวัดพระประโทณเจดีย์ ในบริเวณติดกับโรงเรียนวัดพระประโทณเจดีย์ ซึ่งเดิมเป็นบริเวณที่ตั้งของแคมป์งานก่อสร้าง ของบริษัทรับเหมาก่อสร้างทางหลวงหมายเลข ๔ (ถนนเพชรเกษม) ตอน นครชัยศรี – นครปฐม โดยเริ่มจัดสร้างอาคารสถานที่ใหม่ทั้งหมดในปี พ.ศ.๒๕๑๔ จนเสร็จสิ้นใน ปี พ.ศ.๒๕๑๕

                    ปีการศึกษา ๒๕๑๕ - มีการรับครูแผนกช่างยนต์ ช่างไฟฟ้า และช่างเชื่อม

                                                - มีการรับนักเรียน แผนกช่างยนต์ ช่างไฟฟ้า และช่างเชื่อม

                                                - ในภาคเรียนสุดท้าย มีการขนย้ายเครื่องมือ / เครื่องจักร ไปติดตั้งยังสถานที่ใหม่

                                                - ย้ายเสร็จสิ้นทั้งหมด สิ้นปีการศึกษา ๒๕๑๕

                    ปีการศึกษา ๒๕๑๖ เปิดการจัดการเรียนการสอน ๔ ช่าง คือ ช่างก่อสร้าง ช่างไฟฟ้า ช่างเชื่อม และช่างยนต์ทั้งนี้ แผนกช่างตัดผมยังคงเปิดเป็นหลักสูตรระยะสั้นและตั้งอยู่ในวัดพระปฐมเจดีย์อย่างเดิม แต่มีผู้เรียนน้อยมากจึงปิดตัวลงในเวลาต่อมา อาคารตัดผมจึงใช้เป็นที่พักของครูซึ่งมีจำนวนเพิ่มมากขึ้น ต่อมาทางวัดพระปฐมเจดีย์ขอพื้นที่คืน จึงได้มีการรื้อถอนอาคารซึ่งเป็นอาคารไม้และนำไปสร้างใหม่เป็นอาคารแถวพักครู ๒ ชั้น ในบริเวณที่ดินของวัดพระประโทณเจดีย์ที่ขอใช้ต่อออกไปทางด้านหลังจนถึงคลองพระประโทน

                    ปี พ.ศ.๒๕๑๙ กรมอาชีวศึกษา ได้มีคำสั่งให้โรงเรียนการช่างนครปฐมยุบรวมกับโรงเรียนการช่างสตรีนครปฐม แต่ ยังคงแยกกันอยู่และให้เปลี่ยนชื่อใหม่เป็นวิทยาลัยอาชีวศึกษานครปฐม โดยโรงเรียนการช่างนครปฐม ให้ใช้ชื่อว่า วิทยาลัยอาชีวศึกษานครปฐม วิทยาเขต๑ และโรงเรียนการช่างสตรีนครปฐม ให้ใช้ชื่อว่า วิทยาลัยอาชีวศึกษานครปฐมวิทยาเขต ๒

                    ปี พ.ศ.๒๕๑๙ เตรียมการเปิดแผนกวิชาช่างกลโรงงาน โดยสร้างอาคารฝึกงานชั้นเดียว บริเวณหลัง แผนกช่างก่อสร้าง และ แผนกวิชาช่างยนต์ ให้แผนกช่างไฟฟ้าย้ายเข้าไปใช้ เพื่อให้แผนกช่างกลโรงงานใช้พื้นที่แทน

                    ปีการศึกษา ๒๕๒๐ เปิดสอนแผนกวิชาช่างกลโรงงาน และ สร้างอาคารฝึกงานชั้นเดียว ต่อจากอาคารธุรการเดิม บริเวณประตูด้านข้างของวิทยาลัย เพื่อรองรับการเปิดแผนกวิชาช่างวิทยุ - โทรคมนาคม

                    ปีการศึกษา ๒๕๒๑ เปิดสอนแผนกวิชาช่างวิทยุ - โทรคมนาคม

                    ปี พ.ศ.๒๕๒๓ กรมอาชีวศึกษา ได้มีคำสั่งให้แยกทั้งสองวิทยาเขตออกจากกัน และมีการยกสถานะเป็นวิทยาลัย โดย วิทยาลัยอาชีวศึกษานครปฐม วิทยาเขต ๑ เปลี่ยนเป็น วิทยาลัยเทคนิคนครปฐม .ใช้ปรัชญาวิทยาลัยว่า “เป็นคนดี มีฝีมือ” และเปลี่ยนเป็น ประพฤตดี มีวิชา สามัคคี จนถึงปัจจุบัน และวิทยาลัยอาชีวศึกษานครปฐม วิทยาเขต ๒ เปลี่ยนเป็น วิทยาลัยอาชีวศึกษานครปฐม ดังเช่นปัจจุบันเช่นกัน

                    ปี พ.ศ.๒๕๒๔ มีการสร้างอาคารโรงฝึกงาน ๓ ชั้นขนาด ๒๐ เมตร x ๓๒ เมตร และให้แผนกวิชาช่างกลโรงงานรับผิดชอบพื้นที่บริเวณ ชั้น ๑ และช่างวิทยุ-โทรคมนาคม อยู่ชั้น ๒ - ๓ ปัจจุบันอาคารนี้กำลังเสื่อมสภาพ

                    ปี พ.ศ.๒๕๒๗ มีการย้ายบ้านพักครู ๖ หลัง และ บ้านพักภารโรง ๘ หน่วย ๔ หลัง ไปไว้ในที่ดินด้านหลังที่ขอเพิ่มเติมจากวัดพระประโทนเจดีย์ เพื่อเตรียมพื้นที่สำหรับสร้างอาคารเรียน ๔ ชั้น ขนาด ๙.๐๐ x ๕๔.๐๐ ม.

                    ปี พ.ศ.๒๕๒๘ มีการสร้างอาคารเรียน ๔ ชั้น ขนาด ๙.๐๐ x ๕๔.๐๐ ม.

                    ปี พ.ศ.๒๕๓๐ มีการสร้างอาคารโรงฝึกงาน ๓ ชั้นขนาด ๒๐ เมตร x ๕๒ เมตร สำหรับรองรับแผนกวิชาช่างก่อสร้าง (บริเวณชั้น ๑) แผนกวิชาช่างเชื่อม (บริเวณชั้น ๒) และแผนกวิชาช่างไฟฟ้า (บริเวณชั้น ๓) ซึ่งปัจจุบันใช้เป็นสถานที่ทดสอบมาตรฐานฝีมือแรงงาน

                    ปี พ.ศ.๒๕๓๒ สร้างอาคารเฉลิมพระเกียรติ์สมเด็จพระเทพฯ 36 พรรษา. สำหรับเป็นห้องสมุด ห้องปฏิบัติการทางภาษา และโรงอาหาร

                    ปี พ.ศ.๒๕๓๕ มีการสร้างอาคารโรงฝึกงาน ๓ ชั้น ขนาด ๒๐ เมตร x ๕๒ เมตร สำหรับแผนกวิชาช่างยนต์ ช่างเทคนิคอุตสาหกรรม ช่างเทคนิคพื้นฐาน พร้อมทั้งสร้างอาคาร ๔ ชั้น สำหรับเปิดการเรียนการสอนแผนกวิชาสถาปัตยกรรม ซึ่งเป็นตึกแผนกวิชาสามัญสัมพันธ์ในปัจจุบัน

                    ปี พ.ศ.๒๕๓๖ มีการสร้างอาคารเรียน ๓ ชั้น สำหรับใช้เป็นห้องเรียนวิชาสามัญ และแผนกวิชาสถาปัตยกรรม

                    ปี พ.ศ.๒๕๓๘ มีการสร้างอาคารฝึกงาน ๓ ชั้น (อยู่ระหว่าง อาคารฝึกงาน ช่างยนต์ และ ช่างก่อสร้าง) ชั้นที่ ๑ สำหรับแผนกวิชาแม่พิมพ์พลาสติค ชั้น ๒ - ๓ สำหรับแผนกวิชาช่างไฟฟ้า (เพิ่มเติม) ปัจจุบันเป็นตึกช่างกลโรงงาน

                    ปี พ.ศ.๒๕๕๔ สร้างอาคาร ๕ ชั้น (มีลิฟท์) ซึ่งเป็นอาคารธุรการ และใช้จัดการเรียนการสอนในแผนกวิชาช่างอิเล็กทรอนิกส์ และนักศึกษาระดับปริญญาตรีไฟฟ้า เทคโนโลยีบัณฑิต

                    ปี พ.ศ.๒๕๕๗ สร้างอาคารศูนย์วิทยบริการ (แทนศาลากลางน้ำ)

                    ปี พ.ศ.๒๕๖๒ สร้างอาคาร ๑๑ เพื่อรองรับการเปิดสอนวิชาช่างเทคนิคคอมพิวเตอร์

                    ปี พ.ศ.๒๕๖๔ สร้างแฟลตบ้านพักครู ๔ ชั้น

                    ปี พ.ศ.๒๕๖๕ วิทยาลัยเทคนิคนครปฐม ได้รับอนุญาตให้จัดการเรียนการสอนในแผนกวิชาเมคาทรอนิกส์และหุ่นยนต์ จากสำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา มีการก่อตั้งชมรมศิษย์เก่าวิทยาลัยเทคนิคนครปฐมอย่างเป็นทางการ มีการบูรณะองค์พระวิษณุกรรม มีการย้ายพระประจำวิทยาลัยมาประดิษฐานบริเวณด้านหน้าอาคารวิทยบริการ มีการย้ายอาคารอำนวยการไปยังอาคารวิทยบริการพร้อมปรับปรุงห้องทำงานของฝ่ายบริหาร ปรับปรุงด้านในอาคารวิทยบริการให้เป็นห้องประชุมต้นนนทรี และห้องประชุมจุลประโทณเจดีย์ มีการเปิดประตูทางเข้าด้านทิศตะวันออกของวิทยาลัยฝั่งถนนสามกระบือเผือก และจัดภูมิทัศน์บริเวณองค์จุลประโทณเจดีย์ให้สง่างาม

ตำนานวันสถาปนาวิทยาลัยเทคนิคนครปฐม

            จากการสืบหาข้อมูลการก่อตั้งวิทยาลัย และการตรวจสอบวันเดือนปี ย้อนหลัง จากร่องรอยต่างๆ พบว่า มีประกาศจัดตั้ง โรงเรียนช่างไม้นครปฐม เป็นครั้งแรก ในวันที่ ๒๘ กุมภาพันธ์ ๒๔๘๐ พร้อมย้อนไปสำรวจ ชะตา ของการจัดตั้งวิทยาลัยเทคนิคนครปฐม ในวันที่ ๒๘ กุมภาพันธ์ ๒๔๘๐ ปรากฎว่าเป็นวันจันทร์ แรม ๑๓ ค่ำ เดือน ๓ ปีฉลู ตรงตามปฏิทินวันกาลโยค สุริยยาตร์ ปฏิทินสุริยคติและจันทรคติไทย เป็นวันอธิบดี ซึ่งเป็นวันดี เป็นศิริมงคล จึงกำหนดวันที่ ๒๘ กุมภาพันธ์ ๒๔๘๐ เป็นวันสถาปนาวิทยาลัยเทคนิคนครปฐม ได้ใช้วันดังกล่าวเป็นวันทำกิจกรรมสืบสานสิ่งดีงามของวิทยาลัยเทคนิคนครปฐม ต้นไป

             หมายเหตุ ปฏิทินช่วงก่อนปี พ.ศ. ๒๔๘๓ ในเดือนมกราคม กุมภาพันธ์ และมีนาคม จะแสดงปี พ.ศ. ที่คาบเกี่ยวกัน เนื่องจากในช่วงเวลาดังกล่าวการบันทึกวันเวลาของไทยยังคงนับวันขึ้นปีใหม่ คือวันที่ ๑ เมษายน เป็นวันเปลี่ยนปี พ.ศ. ดังนั้นปีตามปฏิทินเดิม จึงเป็นปี ๒๔๘๐ ซึ่งเป็นปี พ.ศ. ของไทยที่ใช้บันทึกเวลาในช่วงเวลานั้น ซึ่งเมื่อดูตามปฏิทินปัจจุบัน จะเป็นวันจันทร์ที่ ๒๘ กุมภาพันธ์ ๒๔๘๑

                                                                                                                                                                                                                 ว่าที่ร้อยตรี ดร. ชนะคมศร คงยืน ผู้รวบรวมข้อมูล
logo

ประพฤติดี มีวิชา จิตอาสา สามัคคี

logo

ผู้เรียนมีคุณธรรม ก้าวทันเทคโนโลยี ฝีมือดีด้านอาชีพ

logo

วิทยาลัยแห่งการเรียนรู้ มุ่งสู่ความเป็นเลิศทางด้านวิชาชีพ

logo

มุ่งพัฒนาผู้เรียนให้เป็นผู้มีทักษะ วิชาชีพเป็นเลิศ มีคุณธรรม และใช้ชีวิตอยู่ในสังคมอย่างมีความสุข

วิสัยทัศน์

มุ่งพัฒนาผู้เรียนให้มีคุณภาพตามมาตรฐานการอาชีวศึกษา ด้วยการบริหารจัดการศึกษาอย่างมีประสิทธิภาพ เป้าหมายเชิงยุทธศาสตร์ (Strategic Goal)

                        ๑. เพื่อพัฒนาผู้เรียนให้สำเร็จการศึกษาอย่างมีคุณภาพ มีความรู้ มีคุณธรรม จริยธรรมและคุณลักษณะที่พึงประสงค์ และทักษะในการประกอบวิชาชีพ มีความสามารถด้าน วิจัย นวัตกรรมและสิ่งประดิษฐ์ มีความรัก ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ และมีคุณภาพชีวิตที่ดี ตามแนวทางหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง

                        ๒. เพื่อพัฒนาหลักสูตรฐานสมรรถนะ ปรับปรุงให้ทันสมัย ยืดหยุ่นและหลากหลาย นำไปใช้ในการการจัดการเรียนรู้ในศตวรรษที่ ๒๑ ส่งเสริมวิจัย นวัตกรรม สิ่งประดิษฐ์และพัฒนาประกันคุณภาพการศึกษา

                        ๓. เพื่อใช้นวัตกรรมในการบริหารจัดการที่มีประสิทธิภาพตามหลักธรรมภิบาล พัฒนาปัจจัยพื้นฐาน สิ่งแวดล้อม สมรรถนะครู ผู้บริหาร บุคลากรทางการศึกษา ประสิทธิภาพเทคโนโลยีสารสนเทศ และพัฒนาเครือข่ายความร่วมมือจัดการศึกษาและบริการสังคม

พันธกิจ

พันธกิจที่ ๑ พัฒนาผู้เรียนให้สำเร็จการศึกษาอย่างมีคุณภาพ เป็นคนดี มีจิตสาธารณะ สร้างความตระหนักและจิตสำนึกอนุรักษ์ทรัพยากรและสิ่งแวดล้อม รักชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ และยึดมั่นในระบบประชาธิปไตย ที่มีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขและประยุกต์หลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงในการดำรงชีวิต

พันธกิจที่ ๒ ผลิตผู้สำเร็จการศึกษา ให้เป็นผู้ที่มีความรู้ในยุคดิจิทัล มีทักษะในศตวรรษที่ ๒๑ มีความรู้สากล มีสมรรถนะสูง ตรงตามความต้องการกำลังคนในยุคไทยแลนด์ ๔.๐ และพัฒนาเครือข่ายความร่วมมือจัดการศึกษา

พันธกิจที่ ๓ จัดการอาชีวศึกษาศึกษาแก่ทุกคนให้มีคุณภาพตามมาตรฐานการอาชีวศึกษา ด้วยหลักสูตรฐานสมรรถนะ ที่ทันสมัย ตอบสนอง New-S-Curve การจัดการเรียนการสอนในศตวรรษที่ ๒๑ การส่งเสริมงานวิจัย นวัตกรรม สิ่งประดิษฐ์ และระบบประกันคุณภาพโดยใช้สถานศึกษาเป็นฐาน

พันธกิจที่ ๔ พัฒนาระบบบริหารจัดการที่มีประสิทธิภาพ ทรัพยากร ทุกด้าน อย่างมีธรรมาภิบาล ใช้ระบบเทคโนโลยีสารสนเทศเพื่อการบริหารจัดการและจัดการเรียนรู้ พัฒนาสู่องค์กรแห่งการเรียนรู้

ประเด็นยุทธศาสตร์

ประเด็นยุทธศาสตร์ที่ ๑ พัฒนาคุณภาพผู้เรียนและผู้สำเร็จการศึกษาให้เป็นคนดีสู่สังคมและคุณภาพชีวิตที่ดีอย่างยั่งยืนตามแนวทางหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง (พันธกิจที่ ๑)

ประเด็นยุทธศาสตร์ที่ ๒ ผลิตกำลังคนที่มีทักษะและสมรรถนะเทียบเท่าสากล โดยความร่วมมือกับทุกภาคส่วนสอดคล้องไทยแลนด์ ๔.๐ (พันธกิจที่ ๒)

ประเด็นยุทธศาสตร์ที่ ๓ พัฒนาหลักสูตรฐานสมรรถนะ ปรับปรุงรายวิชา และจัดการเรียนรู้ในศตวรรษที่ ๒๑ (พันธกิจที่ ๓)

ประเด็นยุทธศาสตร์ที่ ๔ พัฒนางานวิจัย นวัตกรรม สิ่งประดิษฐ์ เทคโนโลยี อย่างสร้างสรรค์ และการประกันคุณภาพโดยใช้สถานศึกษาเป็นฐาน(พันธกิจที่ ๓)

ประเด็นยุทธศาสตร์ที่ ๕ พัฒนาสมรรถนะครู ผู้บริหาร บุคลากรทางการศึกษา ในการจัดการเรียนการสอน การบริหาร และการปฏิบัติงาน(พันธกิจที่ ๔)

ประเด็นยุทธศาสตร์ที่ ๖ พัฒนาปัจจัยพื้นฐานให้สามารถจัดการศึกษาได้อย่างมีประสิทธิภาพ ด้วยหลักธรรมาภิบาล สู่องค์กรแห่งการเรียนรู้ (พันธกิจที่ ๔)